ยินดีต้อนรับ

ยินดีต้อนรับทุกท่าน...รับรู้ข่าวสารด้วยรายงานข่าวจาก ฝอ.2 บก.อก.ภ.6

25 มกราคม 2554

ผบ.ทบ.ขอเวลาคุยเขมรถอนป้ายประณามไทย

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ให้สัมภาษณ์ถึงคืบหน้าในการเจรจาให้ทางกัมพูชาถอนป้ายประณามไทย ว่า ขณะนี้ได้มีการพูดคุยเจรจากันถึงปัญหาที่เกิดขึ้น อย่าถามว่าเมื่อไร แต่ทุกอย่างต้องใช้เวลาพอสมควร หากพูดกันไปมาจะไม่จบ ต้องให้เวลาเจ้าหน้าที่ทำงานสักระยะ ซึ่งทางกระทรวงกลาโหมทำมาโดยตลอด รวมถึงกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งถือเป็น 2 ช่องทางในการเจรจาพูดคุยกัน ทั้งนี้การแก้ไขปัญหาตามแนวชายแดนมีอยู่ 3 มาตรการ คือ 1.เจรจา 2.เพิ่มมาตรการ และ 3. การใช้กำลัง เราจะข้าม 1 ไป 3 คงไม่ได้ เราอยู่ในฐานะประเทศเพื่อนบ้านต้องพูดคุยกันให้รู้เรื่อง และประชาชน ทั้ง 2 ฝ่ายไม่อยากเห็นการสู้รบกันตามแนวชายแดน เจ้าหน้าที่ไม่ว่าฝ่ายใดไม่ว่า นึกจะทำอะไรก็ทำคงไม่ได้ จะต้องมีคนรับผิดชอบและมีคนสั่งการ โดยเฉพาะปัญหาระหว่างประเทศเป็นเรื่องของรัฐบาลที่จะต้องสั่งการเป็นความรับผิดชอบ เป็นกรอบเป็นสายการบังคับบัญชาที่ชัดเจนอยู่แล้ว ไม่ได้หมายความว่าเราจะโยนไปให้ใครรับผิดชอบ มันเป็นหน้าที่เป็นกฎหมาย จึงอยากเรียนให้สังคมทั่วไปได้รับทราบ



พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ชายแดนพื้นที่ที่มีปัญหาอยู่จะใช้กำลังไม่ได้ เพราะเป็นกติกา เป็นกฎหมาย และเป็นพันธะสัญญาที่คุยกันไว้ว่า หากมีปัญหาในพื้นที่ที่มีปัญหาต้องพูดจากัน ที่ผ่านมาก็เป็นเช่นนี้มาตลอด จนกว่าตรงนั้นจะเรียบร้อยมีเส้นแบ่งเขตที่ชัดเจน เมื่อมีความชัดเจนต่างฝ่ายก็ต่างถอย ถ้าเราไปล้ำเขตแดนก็ต้องถอยออกมา ถ้าเขาล้ำเข้ามาก็ต้องถอยออกไป ซึ่งเราอยู่ด้วยกันด้วยกติกา ไม่ใช่อยู่ด้วยความรู้สึก หากอยู่ด้วยความรู้สึกจะทะเลาะกัน และรบกันทุกวัน ประเทศเรามีเขตชายแดนทั้งหมด 5 พันกว่ากิโลเมตร ทางบก 4 พันกว่ากม. ส่วนที่เหลือเป็นทางน้ำ และทางทะล ชายแดนไม่มีรั้ว มีแต่หลักเขตที่พังลงทุกวัน หรือขยับกันไปมาขอให้ใจเย็นๆ ขอให้กำลังใจทหาร

พม่า-กะเหรี่ยงรบหนัก ผู้หนีภัยสงครามทะลักเข้าไทย

ผู้หนีภัยจาการสู้รบระหว่างหารรัฐบาลพม่ากับฝ่ายกะเหรี่ยงดีเคบีเอ. กว่า 100 คน ต่างเข้ามาอาศัยในเขตไทยอย่างอิสระ บริเวณบ้านเงาไฝ่ ต.ช่องแคบ อ.พบพระ จ.ตาก โดยทั้งหมดไปอาศัยอยู่ตามสถานที่ต่างๆ และบริเวณตะเข็บชายแดน เนื่องจากได้เห็นทหารรัฐบาลพม่าพร้อมด้วยลูกหาบอาวุธกระสุนปืนจำนวนมากเข้ามาพื้นที่ริมฝั่งแม่น้ำเมย จึงเกิดความกลัวและเกรงว่าจะถูกจับไปเป็นลูกหาบ และหนีมาอยู่ในเขตไทย ขณะที่ อส.อำเภอพบพระ ได้เข้าไปดูแลรักษาความสงบ แต่ไม่ได้จัดพื้นที่พักพิงรองรับ เพราะเห็นว่าสถานการณ์การสู้รบยังไม่น่าจะรุนแรง

ด้านทหารพม่าได้เสริมกำลัง และยังรบกับฝ่ายกะเหรี่ยงบริเวณตรงข้ามบ้านห้วยน้ำนัก รวมถึงบ้านห้วยแห้ง ต.ช่องแคบ อ.พบพระ โดยทั้งสองฝ่ายได้ใช้อาวุธปืน ค.120 , ค.60 ยิงใส่กันเป็นระยะ แต่ไม่มีผลกระทบใดๆ ต่อเขตไทย