ข่าวประเด็นร้อน 14 ม.ค.

เรื่องร้อนๆ ในวันศุกร์สุดสัปดาห์นี้ คงไม่มีเรื่องไหนน่าติดตามเท่ากับชะตากรรมของคนไทยอีก 5 คน ที่ทางศาลกัมพูชาไม่อนุมัติให้ประกันตัว และทางกองทัพธรรมจะยกเครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติเข้ามาปิดล้อมทำเนียบรัฐบาล เพื่อกดดันรัฐบาลไทยให้เร่งช่วยเหลือคนไทยที่ถูกทหารกัมพูชาจับไป

1.ยังต้องติดตามชะตากรรมคณะคนไทย 5 คนที่เหลือ แม้ศาลกัมพูชาให้นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ และ น.ส.นฤมลจิตรวะรัตนา ประกันตัวไปแล้ว แต่ยังต้องพำนักอยู่ในกัมพูชา แต่นายวีระ สมความคิด แกนนำเครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติและ น.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ โดนเพิ่มข้อหาพยายามประมวลข่าวสารที่อาจเป็นอันตรายต่อการป้องกันประเทศ

ขณะที่สถานการณ์การเมืองในประเทศยิ่งร้อนขึ้น เมื่อกองทัพธรรมมาสมทบเครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติปิดล้อมทำเนียบรัฐบาล การจราจรติดขัดอย่างหนัก และในเวลา 11.00 น. นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ แกนนำกลุ่ม นัดประกาศท่าทีว่าจะระดมม็อบไปปิดด่านพรมแดนที่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้วเพื่อประท้วงรัฐบาล รวมทั้งกดดันให้กัมพูชาปล่อยตัวคนไทยทั้ง 7 คนหรือไม่

2.ประเด็นความขัดแย้งการแก้ไขรัฐธรรมนูญยังร้อนแรงขย่มความสัมพันธ์พรรคประชาธิปัตย์กับพรรคร่วมยิ่งพรรคเพื่อไทยประกาศตัวชัดว่าหนุนสูตรระบบการเลือกตั้ง สส.เขต 400 คนและระบบบัญชีรายชื่อ 100 คน กลายเป็นว่าพรรคประชาธิปัตย์โดนโดดเดี่ยว ดังนั้นต้องจับตาท่าทีแก้เกมการเมืองของผู้จัดการรัฐบาล นายสุเทพ เทือกสุบรรณรองนายกรัฐมนตรี

3.ขณะเดียวกัน วันที่ 14 ม.ค. พรรคเพื่อไทยนัดประชุมใหญ่ สส. เพื่อซักซ้อมทีมอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลพร้อมกับจะกำหนดหัวหอกเปิดซักฟอกนายกรัฐมนตรีด้วย เบื้องต้นในการประชุมคราวนี้น่าจะมีการเสนอคณะ สส.ที่จะขออภิปรายในครั้งนี้ เช่น เสนอตัวผู้นำการอภิปราย เสนอทีมอภิปราย พร้อมทั้งเสนอรายชื่อนายกรัฐมนตรีแนบไปกับญัตติด้วย

4.คณะกรรมการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.)นัดประชุมเวลา 14.00-17.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล มีวาระเพื่อพิจารณาที่น่าสนใจ เช่น ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัฒนาพื้นที่โดยรอบท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ การกำหนดสัดส่วนรายได้ และกรอบแนวทางการจัดสรรเงินอุดหนุนให้แก่ อปท. ปีงบประมาณ 2555 และการขอรับการสนับสนุนงบประมาณเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการคัดเลือก อปท.ดีเด่น ปี 2554 เป็นต้น

5.อีกหนึ่งเผือกร้อนที่ตกใส่มือสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.)เพราะต้องเข้าไปไกล่เกลี่ยปัญหาให้กับกลุ่มผู้ค้าย่านราชประสงค์ที่เดือดร้อนจากการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง เบื้องต้นนายกรัฐมนตรีมอบหมายให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไปประสานระหว่างผู้ค้าย่านราชประสงค์กับแกนนำเสื้อแดง งานก็เลยเข้าพล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 ที่ต้องเข้าไปเป็นคนกลาง จึงต้องติดตามกันว่าทาง สตช.จะหาทางออกเรื่องนี้อย่างไร

6.วันที่ 14 ม.ค. จะครบกำหนดส่งข้อมูลผลการตรวจสอบทุจริตโครงการประกันรายได้เกษตรกร รวมถึงผลการตรวจสอบขึ้นทะเบียนของเกษตรกรเพื่อเข้าร่วมโครงการประกันราคาสินค้าเกษตรในส่วนของข้าว ที่นายธีระ วงศ์สมุทร รมว.เกษตรฯ ได้สั่งการให้นายอรรถ อินทลักษณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงในพื้นที่ให้แล้วเสร็จภายใน 7 วัน

ผลการตรวจสอบในเรื่องนี้ของกระทรวงเกษตรฯ ถือว่าสำคัญมากทั้งในแง่การทุจริตและการควบคุมการรั่วไหลของงบประมาณ เพราะขณะนี้มีการร้องเรียนข้อมูลทุจริตโครงการประกันรายได้เกษตรกร ทั้งจากภาคกลาง ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

นอกจากนี้ ยังพบว่าตัวเลขการขึ้นทะเบียนของเกษตรกรระหว่างการประกันรายได้นาปี 2552/2553 กับนาปรัง 2553 ที่ผ่านมา พบว่ามีเกษตรกรเพิ่มขึ้นอย่างผิดสังเกตจำนวนมาก โดยตัวเลขการทำนาปีมีเพียง 4.8 แสนไร่ นาปรังมีมากถึง 1.4 ล้านไร่ และมีความผิดปกติของครัวเรือนที่ขึ้นทะเบียนมากถึง 4.42 หมื่นครัวเรือน

7.ติดตามผลกระทบจากการขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ที่ขึ้นดอกเบี้ยไปอีก 0.25% ทำให้ธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ เช่น ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารกสิกรไทย ประกาศขึ้นดอกเบี้ย ส่วนธนาคารขนาดกลางและขนาดเล็กน่าจะประกาศขึ้นดอกเบี้ยตามมาในวันที่ 14 ม.ค.

8.วันนี้พนักงานการบินไทย ต้องลุ้นผลประชุมคณะกรรมการบริษัทกันตัวโก่ง เพราะ อำพน กิตติอำพนเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ในฐานะประธานบอร์ด บริษัทการบินไทย บอกว่าการประชุมบอร์ดวันที่ 14 ม.ค.นี้ จะมีการพิจารณาค่าตอบแทนพนักงาน (โบนัส)ประจำปี 2553 ให้กับพนักงาน โดยเน้นนโยบายการจ่ายโบนัสแบบพอเพียงและสอดคล้องกับสถานการณ์บริษัท ซึ่งยังต้องกู้เงินบางส่วนมาบริหารจัดการและเสริมสภาพคล่องทางการเงิน

คดียิงตร.กำแพงเพชรผู้ต้องหาอ้างปืนลั่น

พ.ต.ท.เอนก จันทรศร รอง ผกก.สส.สภ.เมืองกำแพงเพชร กล่าวถึง ความคืบหน้าคดี นายกำพลศักดิ์ พริกทุ่ง อายุ ๕๔ ปี ใช้อาวุธปืนยิง พ.ต.ท.ศรีศักดิ์ ศรีนวล พนักงานสอบสวน สภ.เมือง จ.กำแพงเพชร และ ด.ต.อภิศักดิ์ เผ่าฟู ผู้ช่วยพนักงานสอบสวน เสียชีวิต และจ.ส.ต.ชำนาญ อ่องยิ้ม ได้รับบาดเจ็บสาหัส ในรถตราโล่ ขณะถูกคุมตัวส่งตรวจแอลกอฮอล์ว่า การสอบสวนสิ้นสุดและสรุปสำนวนคดีแล้ว โดยผู้ต้องหาปฏิเสธว่า ขณะนั่งในรถอาวุธปืนที่พกอยู่ด้านหลังกำลังจะหลุดจากเอว จึงหยิบออกมาเพื่อเหน็บเอวด้านหน้า ระหว่างนั้นปืนลั่นไปถูกเจ้าหน้าที่จนรถเสียหลักพุ่งชนเสาไฟฟ้า แต่จากการรวบรวมพยานหลักฐานพบว่าวิถีกระสุนเจาะเข้าร่าง จ.ส.ต.ชำนาญ พลขับ และพ.ต.ท.ศรีศักดิ์ ในลักษณะการยิงเป็นกลุ่มประสงค์ต่อเป้าหมาย เพราะหากปืนลั่นต้องมีวิธีกระสุนที่ไม่มีเป้าหมายชัดเจน จึงเห็นชัดเจนถึงเจตนาของผู้ต้องหา ขณะที่การเสียชีวิตของตำรวจทั้งสองนาย ผลการตรวจทางนิติเวชระบุว่าไม่ได้เสียชีวิตจากการถูกยิง เนื่องจากไม่ได้เข้าจุดสำคัญ แต่เสียชีวิตจากการที่รถเสียหลักพุ่งชนเสาไฟฟ้าด้วยความเร็วกว่า ๑๒๐ กิโลเมตรต่อชั่วโมง จนถูกศีรษะถูกกระแทกจนเสียชีวิต ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือเป็นผลโดยตรงจากการใช้อาวุธปืนของผู้ต้องหา คดีนี้พนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานส่งฟ้อง ๕ ข้อหา ประกอบด้วย ฆ่าเจ้าพนักงานในขณะปฏิบัติหน้าที่ , พยายามฆ่าเจ้าพนักงานใน ขณะปฏิบัติหน้าที่ , ต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานในขณะปฏิบัติหน้าที่ , มีอาวุธปืนไว้ ในความโดยไม่ได้รับอนุญาตและพาอาวุธไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะโดย ไม่ได้รับอนุญาตและยิงปืนในที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร สำหรับอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุ ตรวจสอบพบว่าโอนมาจากนักการเมืองท้องถิ่นคนหนึ่งใน จ.สุโขทัย ทั้งยังมีข้อมูลว่าผู้ต้องหารายนี้เป็นพี่ชายนักการเมืองท้องถิ่นใน จ.สุโขทัย และอาจมีความสัมพันธ์กับซุ้มมือปืนในจังหวัด มีนักการเมืองหนุนหลัง ซึ่งตำรวจกำลังสืบสวนขยายผลอยู่ ขณะเดียวกันทราบว่าหลายปีก่อนหน้านี้ลูกชายของผู้ต้องหาเคยก่อคดียิงผู้อื่น เสียชีวิตใน จ.กำแพงเพชร และยังตามไปยิงแม่ของเหยื่อจนบาดเจ็บสาหัสจนต้องตัดขาทิ้ง

ผบก.ภ.จว.พิจิตร เร่งแก้ปัญหาในเยาวชนจว.พิจิตร

พล. ต.ต.กฤษณะ ศิริปิยะวัฒน์ ผบก.ภ.จว.พิจิตร เปิดเผยถึงการเร่งแก้ปัญหาในเยาวชนพิจิตร ที่อายุระหว่าง ๑๐ - ๒๕ ปี ที่มักก่อเกิดคดีด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ดังนั้นในวันนี้ จึงได้เปิดการสอนกฎหมายเรื่องใกล้ตัว ให้กับเยาวชนในโรงเรียนเทศบาลบ้านปากทาง ซึ่งเป็นนักเรียนระดับมัธยม โดยเปิดโอกาสได้ถาม - ตอบ ข้อข้องใจทางกฎหมายในห้องเรียนอย่างใกล้ชิด ซึ่งวิชาที่สอนส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องใกล้ตัวทั้งกฎหมายแพ่ง, กฎหมายอาญา, พ.ร.บ.การจราจร, พ.ร.บ.คุ้มครองสิทธิเด็กและสตรี รวมถึงเทคนิคเมื่อเกิดเหตุร้าย ให้จำรูปพรรณสัณฐานและยานพาหนะของคนร้ายที่ก่อเหตุ ซึ่งจากการทำโครงการดังกล่าว มีการประเมินผลพบว่า วัยรุ่นรู้และยำเกรงกฎหมายลดการก่อเหตุทะเลาะวิวาท รวมถึงได้ใช้ให้เป็นผู้แจ้งเบาะแส จนตำรวจพิจิตรสามารถจับกุมบ่อนการพนันและแหล่งอบายมุขต่างๆ รวมถึงจับกุมผู้ค้ายาเสพติดรายย่อย ซึ่งได้ประโยชน์จากนักเรียนที่เรียนรู้จาก “ครูตำรวจ” ที่ไปอบรมให้ความรู้ทางด้านกฎหมายอย่างใกล้ชิด อีกทั้งเด็กแว้น เด็กซิ่ง อาชญากรรมทุกรูปแบบ และยาเสพติดก็พลอยลดลงตามไปด้วย

กัปตันบินไทยหวิดดับเจอไล่ยิงบนมอเตอร์เวย์

เหตุระทึกขวัญกัปตันการบินไทยที่ถูกคนร้ายระดมยิงหวิดดับคารถ เปิดเผยเมื่อเวลา ๑๐.๓๐ น.วันที่(๑๓ ม.ค.) พ.ต.ท.เหรียญชัย เหล่าที พงส.(สบ๒) สน.ประเวศ พร้อมชุดสืบสวนเดินทางเข้าสอบปากคำ นายเรืองวิทย์ เรืองเดช อายุ ๕๓ ปี กัปตันสายการบินไทย ที่ห้อง ๑๔๔๐๗ ชั้น ๑๔ รพ.สมิติเวช ถนนศรีนครินทร์ หลังทีมแพทย์ได้ผ่าตัดเอาหัวกระสุนปืนไม่ทราบชนิด และขนาด ของคนร้ายที่ขับรถยนต์ตามไล่ยิงถูกสะบักหลัง ได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดบนทางด่วนมอเตอร์เวย์ เมื่อเวลาประมาณ ๒๒.๐๐ น. วันที่ ๑๒ ม.ค.ที่ผ่านมา ร.ท.พูลวิทย์ ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุเวลาประมาณ ๒๑.๐๐น. ได้เดินทางออกจากบ้านพักโดยรถเก๋งบีเอ็มดับเบิ้ลยู ๕๒๕ สีบรอนซ์เทา ทะเบียน ๗ศ-๔๒๓๕ กทม.เพื่อไปท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเนื่องจากจะต้องทำหน้าที่นักบินที่๑เที่ยวบินที่ ทีจี ๙๔๖ กรุงเทพฯ-เอเธนส์ โดยใช้เส้นทางด่วนสาทรลงด่วนพระราม๙ ขึ้นด่วนศรีรัช ไปลงมอเตอร์เวย์ ใช้ช่องทางซ้าย วิ่งด้วยความเร็ว๘๐-๙๐กม./ชม.แต่เนื่องจากช่องทางซ้ายรถบรรทุกใช้กันมากตนจึงเปลี่ยนช่องทางเดินรถไปใช้ช่องขวาเป็นจังหวะเดียวกับที่มีรถโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ สีขาว ป้ายแดง ซึ่งตนจำหมายเลขไม่ได้ ติดฟิล์ม กรองแสงมืดทั้งคัน ขับตามหลังตนมาในระยะกระชั้นชิด เปิดสูงเข้าตาตนจนพล่าไปหมด ตนจึงลดความเร็วให้รถคันดังกล่าวแซงขึ้นหน้าไปพร้อมให้สัญญาณไฟว่าเปิดไฟสูงเป็นที่รบกวน แล้วขับตีคู่กันไป สักพักคนในรถยนต์ดังกล่าวจึงใช้เลเซอร์ พ้อยท์เตอร์ ความเข้มสูงสีเขียว ยิงแสงมา ตนจึงใช้ไฟฉายส่องกลับไป ร.ท.พูลวิทย์ กล่าวต่อว่า จนมาถึงใกล้ทางแยกเข้าด่านทับช้างการจราจรด้านซ้ายติดขัดตนจึงเบี่ยงไปด้านช่องทางเดินรถช่องกลางโดยไม่ทันสังเกตุว่ารถคู่กรณีก็ติดอยู่ที่ช่องทางด้านขวาเช่นกัน มารู้ตัวเพราะถูกเลเซอร์พ้อยท์เตอร์ฉายเข้ามาในรถยนต์ จึงรู้ว่าเป็นรถฟอร์จูนเนอร์คันเดิม ตนจึงใช้ไฟฉายส่องกลับไปอีกครั้ง จากนั้นคู่กรณีได้ขับรถจี้ท้ายก่อนได้ยินเสียงปืนดังขึ้น ๓นัดซ้อนจนกระจกหลังรถยนต์ของตนแตกทั้งบานและถูกยิงเข้าที่สะบักซ้ายจึงบังคับรถเข้าชิดด้านซ้ายเพื่อจอดแต่ปรากฎว่ารถฟอร์จูนเนอร์คันดังกล่าวได้ขับตามมาและยิงปืนใส่รถของตนอีก ๑ นัด ตนจึงรีบเร่งความเร็วเพื่อหลบหนี โดยพยายามขับฉวัดเฉวียนไปมาเพื่อสลัดรถของคนร้ายที่ขับขี่ตามและยิงปืนใส่รถของตนอีก ๖-๗นัด ร.ท.พูลวิทย์ กล่าวอีกว่า จนกระทั่งมาถึงทางเข้าท่าอากาศยานสุวรรณภูมิจึงใช้วิธีการเปลี่ยนช่องทางวิ่งทางขวาเพื่อหลอกให้ฝ่ายตรงข้ามเข้าใจว่าจะเข้าช่องทางด่วนแล้วเปลี่ยนเข้าช่องซ้ายขึ้นสะพานเข้าท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ก่อนจะชลอความเร็วเพื่อดูว่าคนร้ายตามมาหรือไม่ ปรากฎว่าคนร้ายยังคงจอดรถเหมือนรอดูท่าทีตนว่าจะทำอย่างไรซึ่งรวมระยะทางที่คนร้ายไล่ยิงรถของตนจากด่านทับช้างถึงทางเข้าสนามบินกว่า ๔ กม.เลยที่เดียว จากนั้นจึงขับรถเข้าไปเก็บไว้ที่ลานจอดในท่าอากาศยาน แล้วรีบแจ้งให้ต้นสังกัดทราบถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพื่อให้ติดต่อนักบินสำรองไปทำหน้าที่แทน ส่วนตนเองทางบริษัทได้เรียกรถพยาบาลมารับและนำเข้ารับการผ่าตัดนำหัวกระสุนออกตั้งแต่คืนเกิดเหตุ โดยกระสุนที่ผ่าออกแพทย์ได้นำมาให้ดูแต่ตนไม่แน่ใจว่าเป็นกระสุนขนาด.๓๒หรือ .๓๘ เพราะอยู่ในฤทธิ์ยาชา ส่วนพ.ต.อ.บรรลือศักดิ์ กล่าวว่า ขณะนี้ทางกก.สส.น.๔ได้ประสานกับทางสน.ประเวศ เพื่อหาภาพวงจรปิดรถยนต์โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ ดังกล่าวเพื่อเป็นเบาะแสไปสู่ตัวผู้ต้องหา และจะประสานกับทางจส.๑๐๐ สวพ.๙๑เพื่อให้ช่วยประชาสัมพันธ์กับผู้ที่ใช้ยวดยานพาหนะไปมาในคืนเกิดเหตุและประสบเหตุพอดีเข้าให้รายละเอียดกับเจ้าหน้าที่ตร.สน.ประเวศและกก.สส.น.๔ พร้อมกับนำหัวกระสุนที่ได้จากบาดแผลมาตรวจสอบเพื่อเปรียบเทียบว่าเป็นกระสุนที่ถูกยิงจากปืนที่เคยมีการบันทึกประวัติไว้หรือไม่ สำหรับคนร้ายน่าจะมีมากกว่า๑คนและน่าจะมีความชำนาญในการใช้อาวุธปืนพอสมควรเพราะก่อเหตุขณะกำลังขับรถและจุดที่ยิงเข้าใส่ผู้เสียหายยังใกล้เคียงกับจุดสำคัญที่ทำให้ถึงชีวิตได้ด้วย ขณะที่ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า สำหรับ ร.ท.พูลวิทย์ นั้นเป็นอดีตศิษย์เก่าโรงเรียน สวนกุหลาบวิทยาลัย รุ่นเดียวกับ นายเนวิน ชิดชอบ และเป็นนักเรียนเตรียมทหาร รุ่น ๑๗ รุ่นเดียวกับพ.ต.อ.บวร ศิริพันธุ์ ผกก.สน.ทางด่วน๒ อีกด้วย