ยินดีต้อนรับ

ยินดีต้อนรับทุกท่าน...รับรู้ข่าวสารด้วยรายงานข่าวจาก ฝอ.2 บก.อก.ภ.6

15 มกราคม 2554

แก๊งแขกขาวฉกเงินเสี่ยไร่อ้อยกำแพงเพชร

เมื่อ 14 ม.ค. พ.ต.ต.ยสพนต์ พวงทอง ร้อยเวร สภ.เมืองกำแพงเพชร รับแจ้งเหตุ คนร้ายฉกเงินลูกค้าในธ.กรุงไทย สาขาชากังราว ถ.เจริญสุข ต.ในเมือง อ.เมือง จ.กำแพงเพชร และถอยรถยนต์ชนรถครูสาวที่มาติดต่อธุรกรรมการเงินเสียหาย จึงไปตรวจสอบ

พบ นายสินชัย คงสิทธิ์ อายุ 57 ปี เสี่ยเจ้าของไร่อ้อยผู้เสียหาย อยู่บ้านเลขที่ 37/2 หมู่ 11 ต.นิคมทุ่งโพธิ์ทะเล อ.เมือง จ.กำแพงเพชร ผู้เสียหาย ให้การว่า ขณะนั่งรอคิวเพื่อนำเงินสดจำนวน 160,000 บาท ฝากเข้าบัญชี มีชายชาวต่างชาติ ลักษณะเป็นแขกขาว รูปร่างท้วม อายุประมาณ 40 ปี ใส่เสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีฟ้า กางเกงขายาวสีดำ รองเท้าหนัง มานั่งข้างๆ ทำทีสอบถามเป็นภาษาอังกฤษ และหลอกให้มองไปที่เคาน์เตอร์ จากนั้นรีบร้อนลุกขึ้นเดินหนีไป เมื่อตนนับเงินให้เจ้าหน้าที่พบมีเพียง 125,000 บาท หายไป 35,000 บาท จึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ธนาคารและเจ้าหน้าที่ตำรวจ

ด้านนางกรวิพา สำโรง อายุ 36 ปี ครูร.ร.ชากังราว (เทศบาล 4) ให้การว่า ขณะมาติดต่อธนาคาร รถเก๋ง ยี่ห้อโตโยต้า วีออส สีบรอนซ์เทา ทะเบียน กค 225 สุโขทัย ของตน ถูกรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อวอลโว่ สีแดง สภาพเก่า ทะเบียน กข 1628 ไม่ทราบจังหวัด ที่จอดอยู่ด้านหน้าถอยมาชนจนด้านหน้าขวายุบเสียหาย โดยสังเกตเห็นว่าคนขับรถคันดังกล่าวผลุนผลันออกมาจากธนาคาร และรีบขับรถหนีไป ลักษณะคนร้ายเทียบกับภาพจากกล้องวงจรปิดน่าจะเป็นคนเดียวกัน

ด้านพ. ต.ต.ยสพนต์ กล่าวว่า จากการสอบสวนและดูภาพจากกล้องวงจรปิดของธนาคาร สันนิษ ฐานว่าคนร้ายน่าจะเป็นมืออาชีพ ทำงานได้รวดเร็วมาก สามารถดึงเงินมาได้โดยที่เหยื่อไม่รู้ตัว เจ้าหน้าที่จะเร่งรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

สตม.หิ้วเอเย่นต์ชาวไทยใหญ่ ค้นแมนชั่นย่านบางพลี เจอยานรกนับแสน

เมื่อ เวลา 03.30 น. วันที่ 15 ม.ค. พล.ต.ต.มล.พันธ์ศักดิ์ เกษมสันต์ รอง ผบช.บก.สตม. พล.ต.ต.มนู เมฆหมอก ผบก.บก.สส.สตม. พ.ต.อ.ชาติชาย เอี่ยมแสง รองผบก.สส.ฯ พ.ต.อ.วิวัฒน์ คำชำนาญ ผกก.1 บก.สส.ฯ พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.สส.สตม. นำตัว นายทรงวุฒิ ใบครุฑ อายุ 35 ปี ผู้ต้องหาคดียาเสพติด พร้อมหมายค้นของศาลอาญา ที่ 52/2554 ลงวันที่ 15 ม.ค.2554 เข้าค้นภายในห้องพักอาคารเพชรกุลแมนชั่น ซอยกิ่งแก้ว 1 ข. ถนนกิ่งแก้ว ต.ราชาเวะ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ หลังทำการสืบสวนทราบว่าที่แมนชั่นดังกล่าว เป็นจุดพักยาเสพติดของเครือข่ายขบวนการค้ายาชาวไทยใหญ่

โดยกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ข้าตรวจค้นภายในห้องพัก เลขที่ 303 ชั้น 3 อาคารบี พบของกลางยาบ้า จำนวน 26 มัด มัดละ 6,000 เม็ด รวม 156,000 เม็ด ซุกซ่อนอยู่ใต้เตียงนอนในห้องดังกล่าว จึงยึดไว้เป็นหลักฐาน ก่อนที่จะนำกำลังเข้าตรวจค้นที่ห้องเลขที่ 405 ชั้น 4 ของอาคารเดียวกัน ซึ่งเป็นอีกจุดที่พบว่ามีความเชื่อมโยงกับเครือข่ายค้ายาเสพติดรายนี้ แต่จากการตรวจค้นไม่พบยาเสพติด หรือสิ่งผิดกฏหมายแต่อย่างใด

โดย พล.ต.ต.มล.พันธ์ศักดิ์ กล่าวว่า สืบเนื่องมาจากตามที่ทางรัฐบาลมีนโยบายในการกวาดล้างปราบปรามยาเสพติด ซึ่งพบว่ายาเสพติดส่วนใหญ่มีการลักลอบเข้ามาจากประเทศเพื่อนบ้าน ทาง บก.สตม.จึงทำการสืบสวน โดยได้ข้อมูลจากทาง พล.ต.ต.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบก.ตม.5 บก.สตม. ว่า นายทรงวุฒิ ผู้ต้องหารายนี้ มีความเชื่อมโยงกับเครือข่ายค้ายาเสพติดชาวไทยใหญ่ จึงได้นำกำลังเฝ้าติดตาม กระทั่งเมื่อช่วงบ่ายวานนี้ (14 ม.ค.) สามารถจับกุมตัวได้จากภายในซอยกิ่งแก้ว 7 พร้อมของกลางยาบ้า จำนวน 20,000 เม็ด ขณะที่ ผู้ต้องหากำลังนำยาไปส่งให้กับเอเย่นต์อีกรายหนึ่ง

รอง ผบช.บก.สตม. กล่าวต่อว่า จากการสอบสวนขยายผลนายทรงวุฒิ ทราบว่า ที่ห้องพัก จำนวน 2 ห้อง ที่ทำการเข้าค้นวันนี้ มีความเชื่อมโยงกับขบวนการค้ายาดังกล่าว ซึ่งคนร้ายใช้เป็นจุดพักยา ก่อนมีการกระจายสู่เอเย่นต์รายอื่น ๆ อีกทีหนึ่ง จึงได้เร่งรวบรวมหลักฐาน เพื่อขออนุมัติหมายค้นเข้าตรวจค้นทันที เนื่องจากเกรงว่าหากช้ากว่านี้ ยาจำนวนดังกล่าว อาจมีการยักย้ายถ่ายเทออกไปก่อน ซึ่งจากการตรวจค้นภายในห้อง 303 พบยาบ้า จำนวน 156,000 ซุกซ่อนอยู่ ส่วนที่ห้อง 405 ไม่พบยาเสพติด แต่อย่างไรก็ดี ทางเจ้าหน้าที่จะทำการสืบสวนว่าห้องทั้งสองห้องนั้น มีใครเป็นผู้มาเช่าเป็นเจ้าของ

จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า รับจ้างเป็นผู้ส่งยาบ้า โดยทำมาแล้ว 2 ครั้ง ในครั้งแรกได้ค่าจ้างเป็นเงิน จำนวน 50,000 บาท ซึ่งครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 และยังไม่ได้รับค่าจ้าง เนื่องจากถูกจับกุมเสียก่อน เบื้องต้น ทางเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหามียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (ยาบ้า) ไว้ในความครอบครอง เพื่อจำหน่ายโดยผิดกฏหมาย ก่อนควบคุมตัวผู้ต้องหา พร้อมของกลางส่ง บช.ปส.ดำเนินคดี โดยจะมีการประสานข้อมูลร่วมกัน เพื่อสืบสวนขยายผลจับกุมขบวนการค้ายาเสพติดต่อไป.

แจ้งจับจุฬาราชมนตรี

เมื่อ วันที่ 14 ม.ค. ที่ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังที่ประชุมคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย (กอท.) ได้ลงมติยกเลิกคณะกรรมการกลางฯ ชุดที่นายพิเชษฐ สถิรชวาล เป็นเลขาธิการ ซึ่งยกเว้นประธานโดยตำแหน่ง คือ จุฬาราชมนตรี โดยให้ พล.ต.ต.สุรินทร์ ปาลาเร่ ดำรงตำแหน่งเลขาธิการแทน ซึ่งเรื่องดังกล่าวนายพิเชษฐได้ทำหนังสือถึง กฤษฎีกา เพื่อตีความว่าเป็นการถอดถอนที่ขัดต่อระเบียบหรือกฎหมายหรือไม่ เนื่องจาก เป็นการปลดจากตำแหน่งก่อนครบวาระนั้น

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ในกรณีดังกล่าวเมื่อวันที่ 13 ม.ค.ที่ผ่านมา นายพิเชษฐ ได้มอบอำนาจให้นายมนตรี ทรงประไพ ทนายความ เดินทางเข้าแจ้งความต่อ พ.ต.ท.ศิววงศ์ ดำรงสัจจ์ศิริ พงส.(สบ 2) กก.1 บก.ป. เพื่อดำเนินคดีกับนายอาศิส พิทักษ์คุมพล จุฬาราชมนตรี พล.ต.ต.สุรินทร์ กับพวก ซึ่งเป็นกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย รวมทั้งสิ้น 43 คน ในข้อหา ร่วมกันลักทรัพย์ และซ่องโจร เหตุเกิดที่ศูนย์บริหารกิจการศาสนาอิสลามแห่งชาติ แขวงคลองสิบ เขตหนองจอก เมื่อวันที่ 4-12 ตุลาคม 2553

ทั้งนี้ สำหรับการแจ้งความดังกล่าวนายพิเชษฐ ผู้เสียหายยืนยันว่าตนเองยังคงดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการกลางอิสลาม แห่งประเทศ ไทย โดยอ้างว่ากระบวนการปลดออกจากตำแหน่งนั้นไม่ถูกต้องตามระเบียบ ดังนั้นการกระทำใดๆ ของคณะกรรมการกลางฯ ชุดที่มี พล.ต.ต.สุรินทร์ เป็นเลขาธิการนั้นจึงถือว่าเป็นการกระทำที่เข้าข่ายความผิดตามกฎหมาย โดยกล่าวหาคณะกรรมการกลางฯ ทั้ง 43 คน ซึ่งเกี่ยวข้องกับการเบิกจ่ายเงินค่าเบี้ยประชุม ค่าเดินทาง และค่าใช้จ่ายต่างๆ เป็นเงินกว่า 4 แสนบาทว่าเป็นการกระทำที่เข้าข่ายความผิดฐานร่วมกันลักทรัพย์ และซ่องโจร

เบื้องต้นพนักงานสอบสวน ได้รับเรื่องและสอบปากคำไว้เป็นหลักฐาน เพื่อเสนอผู้บังคับบัญชาพิจารณาต่อไป