ประเด็นร้อนวันนี้ ยังต้องจับตาชายแดนไทยกับกัมพูชา เมื่อกองทัพได้เสริมรถถัง 20 คัน ซึ่งเป็นสัญญาณว่าสถานการณ์พร้อมที่จะเกิดการปะทะขึ้นได้อีกทุกเมื่อ
1.ต้องติดตามอย่างต่อเนื่อง สำหรับสถานการณ์ระหว่างไทยกับกัมพูชาบริเวณปราสาทพระวิหาร แม้ว่าที่ผ่านมาในระยะนี้จะยังไม่มีเหตุการณ์ปะทะของทหารทั้งสองฝ่ายอย่างรุนแรง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าสถานการณ์ได้เข้าสู่ภาวะปกติแล้ว เนื่องจากทางกองทัพได้เสริมรถถังจำนวน 20 คัน จากกองพลทหารม้าที่2 เข้ามาเตรียมพร้อมที่กรมทหารพรานที่23 ค่ายพิทักษ์อุทุมพรเขต อ.กันทรลักษ์จ.ศรีสะเกษ ซึ่งเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าอาจมีเหตุการณ์ปะทะกันทุกเวลา รวมไปถึงท่าทีจากรัฐบาลกัมพูชาด้วยว่าจะออกมาตอบโต้อย่างไร หลังจากนายกษิตภิรมย์ รมว.ต่างประเทศของไทย เตรียมเดินทางไปสหรัฐเพื่อชี้แจงถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นต่อคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ
2.ส่วนการประชุมสภาผู้แทนราษฎรยังมีการพูดถึงสถานการณ์ระหว่างไทยกับกัมพูชาอย่างต่อเนื่อง พรรคเพื่อไทยได้เตรียมตั้งกระทู้ถามสดรัฐบาลในเรื่องนี้ เพื่อให้รัฐบาลชี้แจงถึงแนวทางการแก้ไขปัญหา และลดผลกระทบจากเหตุการณ์ปะทะที่เกิดขึ้น
3.สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สั่งฟ้องคดีแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) และมีหมายเรียกผู้ต้องหาทั้ง 21 คน อาทิ นายสนธิ ลิ้มทองกุล นายประพันธ์ คูณมี ให้ไปรายงานตัวในวันที่ 10 ก.พ. ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ในคดีปิดล้อมรัฐสภา บุกทำเนียบรัฐบาล หมิ่นประมาทนายเนวินชิดชอบ คงต้องรอดูว่าแกนนำที่ถูกออกหมายเรียกจะไปตามนัดครบถ้วนหรือไม่
4.นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงการคลัง เดินทางตรวจเยี่ยมและรับฟังความคืบหน้าผลการดำเนินงานของกรมสรรพสามิต ตามภารกิจกระทรวงการคลัง ณ ห้องประชุมสรรพสามิต ชั้น5 กรมสรรพสามิต ประเด็นที่น่าสนใจการรื้อโครงสร้างภาษีบาป เหล้า บุหรี่รวมทั้งภาษีรถยนต์ ว่าจะออกมาในรูปไหนหลังจากตั้งท่าจะปรับโครงสร้างมานานเพื่อหารายได้เข้าคลังมาจับจ่ายใช้สอยในโครงการประชาวิวัฒน์
ทั้งนี้ ในเดือน ม.ค. 2554 กรมสรรพสามิตจัดเก็บรายได้รวม 37,732.15 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 3,991.37 ล้านบาท หรือ 11.83% สำหรับรายได้ภาษีที่กรมสรรพสามิตสามารถจัดเก็บได้สูงสุด5 อันดับแรก ได้แก่ 1.ภาษีน้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมัน จัดเก็บได้สูงสุดจำนวน13,716.91 ล้านบาท 2.ภาษีรถยนต์ จัดเก็บได้ 7,805.11 ล้านบาท 3.ภาษีสุรา จัดเก็บได้จำนวน 5,166.90 ล้านบาท 4.ภาษีเบียร์จัดเก็บได้ 4,820.91 ล้านบาท และ 5.ภาษียาสูบ จัดเก็บได้ 4,442.05 ล้านบาท
5.หลังจากธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) พยายามถกให้ธนาคารพาณิชย์ลดค่าธรรมเนียมต่างๆ ไม่ให้เอาเปรียบผู้ใช้บริการมากเกินไป โดยปี 2553 ที่ผ่านมา ธนาคารกำไรรวมไปกว่าแสนล้านบาท ช่วงบ่ายวันนี้ น.ส.นวพร มหารักขกะผู้อำนวยการอาวุโส ธปท. จะแถลงผลการดำเนินงานของระบบธนาคารพาณิชย์ในรอบปี 2553 ที่ ธปท.สำนักงานใหญ่บางขุนพรหม ถึงรายงานผลการดำเนินงานธนาคารพาณิชย์ต่อตลาดหลักทรัพย์ว่า ในปี 2553 มีกำไรสุทธิกว่าแสนล้านบาทนั้น อยู่ในมือของ 3 ธนาคารใหญ่ คือธนาคารกรุงเทพ กสิกรไทย และไทยพาณิชย์ สูงถึง 6.5 หมื่นล้านบาท เกือบ70% ของกำไรทั้งระบบเพราะอะไร
6.เกาะประเด็นแนวโน้มราคาน้ำมันซึ่งขณะนี้ค่าการตลาดดีเซลต่ำกว่าปกติที่ลิตรละ 1.50-1.80 บาท และยังไม่สามารถปรับขึ้นราคาได้ เพราะนโยบายรัฐบาลให้ตรึงราคาดีเซลห้ามเกินลิตรละ30 บาท ต้องเกาะติดบริษัทผู้ผลิตพลังงานรายใหญ่อย่างบริษัท ปตท. ว่ามีท่าทีอย่างไรในโอกาสมางานลงนามสัญญาบันทึกข้อตกลงเพื่อความร่วมมือ "โครงการบริหารจัดการอนุรักษ์ผืนป่าตะวันตก"
7.หอการค้าไทยจัดแถลงข่าวเรื่อง"ข้อคิดเห็นของหอการค้าไทยที่มีต่อเศรษฐกิจไทย และผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค" ซึ่งคาดว่าจะมีแนวโน้มความเชื่อมั่นในทิศทางที่ดีขึ้นด้านความเคลื่อนไหวของกระทรวง
8.พาณิชย์ ต้องติดตามราคาน้ำมันปาล์มที่มีการนำเข้ามาเพื่อชดเชยและแก้ปัญหาน้ำมันปาล์มขาดตลาดและมีราคาสูง รวมทั้งแนวทางการส่งเสริมสินค้าหัตถกรรมและไลฟ์สไตล์ในตลาดจีน ที่นางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์จะมาแถลงด้วยตัวเอง
9.สำหรับภาคธุรกิจ นอกจากจะบริหารการลงทุนให้มีกำไร ยังต้องให้ความสำคัญต่อการรับผิดชอบต่อสังคมสถาบันธุรกิจเพื่อสังคม (CSRI) ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และสถาบันไทยพัฒน์จัดงานแถลง "ทิศทางและแนวโน้ม CSR ปี 2554" ตลาดหลักทรัพย์เวลา 10.00 น.10.นักลงทุนยังจะต้องติดตามภาวะการลงทุนในตลาดหุ้น และค่าเงินบาทอย่างใกล้ชิด หลังจากเผชิญข่าวร้ายทั้งจากต่างประเทศและในประเทศทำให้นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทยออกวันละ 1,000-2,000 ล้านบาท
