ยินดีต้อนรับ

ยินดีต้อนรับทุกท่าน...รับรู้ข่าวสารด้วยรายงานข่าวจาก ฝอ.2 บก.อก.ภ.6

14 มกราคม 2554

กัปตันบินไทยหวิดดับเจอไล่ยิงบนมอเตอร์เวย์

เหตุระทึกขวัญกัปตันการบินไทยที่ถูกคนร้ายระดมยิงหวิดดับคารถ เปิดเผยเมื่อเวลา ๑๐.๓๐ น.วันที่(๑๓ ม.ค.) พ.ต.ท.เหรียญชัย เหล่าที พงส.(สบ๒) สน.ประเวศ พร้อมชุดสืบสวนเดินทางเข้าสอบปากคำ นายเรืองวิทย์ เรืองเดช อายุ ๕๓ ปี กัปตันสายการบินไทย ที่ห้อง ๑๔๔๐๗ ชั้น ๑๔ รพ.สมิติเวช ถนนศรีนครินทร์ หลังทีมแพทย์ได้ผ่าตัดเอาหัวกระสุนปืนไม่ทราบชนิด และขนาด ของคนร้ายที่ขับรถยนต์ตามไล่ยิงถูกสะบักหลัง ได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดบนทางด่วนมอเตอร์เวย์ เมื่อเวลาประมาณ ๒๒.๐๐ น. วันที่ ๑๒ ม.ค.ที่ผ่านมา ร.ท.พูลวิทย์ ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุเวลาประมาณ ๒๑.๐๐น. ได้เดินทางออกจากบ้านพักโดยรถเก๋งบีเอ็มดับเบิ้ลยู ๕๒๕ สีบรอนซ์เทา ทะเบียน ๗ศ-๔๒๓๕ กทม.เพื่อไปท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเนื่องจากจะต้องทำหน้าที่นักบินที่๑เที่ยวบินที่ ทีจี ๙๔๖ กรุงเทพฯ-เอเธนส์ โดยใช้เส้นทางด่วนสาทรลงด่วนพระราม๙ ขึ้นด่วนศรีรัช ไปลงมอเตอร์เวย์ ใช้ช่องทางซ้าย วิ่งด้วยความเร็ว๘๐-๙๐กม./ชม.แต่เนื่องจากช่องทางซ้ายรถบรรทุกใช้กันมากตนจึงเปลี่ยนช่องทางเดินรถไปใช้ช่องขวาเป็นจังหวะเดียวกับที่มีรถโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ สีขาว ป้ายแดง ซึ่งตนจำหมายเลขไม่ได้ ติดฟิล์ม กรองแสงมืดทั้งคัน ขับตามหลังตนมาในระยะกระชั้นชิด เปิดสูงเข้าตาตนจนพล่าไปหมด ตนจึงลดความเร็วให้รถคันดังกล่าวแซงขึ้นหน้าไปพร้อมให้สัญญาณไฟว่าเปิดไฟสูงเป็นที่รบกวน แล้วขับตีคู่กันไป สักพักคนในรถยนต์ดังกล่าวจึงใช้เลเซอร์ พ้อยท์เตอร์ ความเข้มสูงสีเขียว ยิงแสงมา ตนจึงใช้ไฟฉายส่องกลับไป ร.ท.พูลวิทย์ กล่าวต่อว่า จนมาถึงใกล้ทางแยกเข้าด่านทับช้างการจราจรด้านซ้ายติดขัดตนจึงเบี่ยงไปด้านช่องทางเดินรถช่องกลางโดยไม่ทันสังเกตุว่ารถคู่กรณีก็ติดอยู่ที่ช่องทางด้านขวาเช่นกัน มารู้ตัวเพราะถูกเลเซอร์พ้อยท์เตอร์ฉายเข้ามาในรถยนต์ จึงรู้ว่าเป็นรถฟอร์จูนเนอร์คันเดิม ตนจึงใช้ไฟฉายส่องกลับไปอีกครั้ง จากนั้นคู่กรณีได้ขับรถจี้ท้ายก่อนได้ยินเสียงปืนดังขึ้น ๓นัดซ้อนจนกระจกหลังรถยนต์ของตนแตกทั้งบานและถูกยิงเข้าที่สะบักซ้ายจึงบังคับรถเข้าชิดด้านซ้ายเพื่อจอดแต่ปรากฎว่ารถฟอร์จูนเนอร์คันดังกล่าวได้ขับตามมาและยิงปืนใส่รถของตนอีก ๑ นัด ตนจึงรีบเร่งความเร็วเพื่อหลบหนี โดยพยายามขับฉวัดเฉวียนไปมาเพื่อสลัดรถของคนร้ายที่ขับขี่ตามและยิงปืนใส่รถของตนอีก ๖-๗นัด ร.ท.พูลวิทย์ กล่าวอีกว่า จนกระทั่งมาถึงทางเข้าท่าอากาศยานสุวรรณภูมิจึงใช้วิธีการเปลี่ยนช่องทางวิ่งทางขวาเพื่อหลอกให้ฝ่ายตรงข้ามเข้าใจว่าจะเข้าช่องทางด่วนแล้วเปลี่ยนเข้าช่องซ้ายขึ้นสะพานเข้าท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ก่อนจะชลอความเร็วเพื่อดูว่าคนร้ายตามมาหรือไม่ ปรากฎว่าคนร้ายยังคงจอดรถเหมือนรอดูท่าทีตนว่าจะทำอย่างไรซึ่งรวมระยะทางที่คนร้ายไล่ยิงรถของตนจากด่านทับช้างถึงทางเข้าสนามบินกว่า ๔ กม.เลยที่เดียว จากนั้นจึงขับรถเข้าไปเก็บไว้ที่ลานจอดในท่าอากาศยาน แล้วรีบแจ้งให้ต้นสังกัดทราบถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพื่อให้ติดต่อนักบินสำรองไปทำหน้าที่แทน ส่วนตนเองทางบริษัทได้เรียกรถพยาบาลมารับและนำเข้ารับการผ่าตัดนำหัวกระสุนออกตั้งแต่คืนเกิดเหตุ โดยกระสุนที่ผ่าออกแพทย์ได้นำมาให้ดูแต่ตนไม่แน่ใจว่าเป็นกระสุนขนาด.๓๒หรือ .๓๘ เพราะอยู่ในฤทธิ์ยาชา ส่วนพ.ต.อ.บรรลือศักดิ์ กล่าวว่า ขณะนี้ทางกก.สส.น.๔ได้ประสานกับทางสน.ประเวศ เพื่อหาภาพวงจรปิดรถยนต์โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ ดังกล่าวเพื่อเป็นเบาะแสไปสู่ตัวผู้ต้องหา และจะประสานกับทางจส.๑๐๐ สวพ.๙๑เพื่อให้ช่วยประชาสัมพันธ์กับผู้ที่ใช้ยวดยานพาหนะไปมาในคืนเกิดเหตุและประสบเหตุพอดีเข้าให้รายละเอียดกับเจ้าหน้าที่ตร.สน.ประเวศและกก.สส.น.๔ พร้อมกับนำหัวกระสุนที่ได้จากบาดแผลมาตรวจสอบเพื่อเปรียบเทียบว่าเป็นกระสุนที่ถูกยิงจากปืนที่เคยมีการบันทึกประวัติไว้หรือไม่ สำหรับคนร้ายน่าจะมีมากกว่า๑คนและน่าจะมีความชำนาญในการใช้อาวุธปืนพอสมควรเพราะก่อเหตุขณะกำลังขับรถและจุดที่ยิงเข้าใส่ผู้เสียหายยังใกล้เคียงกับจุดสำคัญที่ทำให้ถึงชีวิตได้ด้วย ขณะที่ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า สำหรับ ร.ท.พูลวิทย์ นั้นเป็นอดีตศิษย์เก่าโรงเรียน สวนกุหลาบวิทยาลัย รุ่นเดียวกับ นายเนวิน ชิดชอบ และเป็นนักเรียนเตรียมทหาร รุ่น ๑๗ รุ่นเดียวกับพ.ต.อ.บวร ศิริพันธุ์ ผกก.สน.ทางด่วน๒ อีกด้วย