รายงานข่าวจากจังหวัดตาก แจ้งว่า หลังกองกำลังทหารกะเหรี่ยงพุทธเพื่อประชาธิปไตย (DKBA)และกองกำลังสหภาพแห่งชาติอิสระ KNU หรือทหารกะเหรี่ยงคริสต์ ยังคงสู้รบกับกองทัพพม่าด้วยอาวุธหนักอย่างต่อเนื่อง โดยทั้งฝ่ายพม่าและฝ่ายกะเหรี่ยง ต่างยิงอาวุธหนักใส่กัน ที่บริเวณค่ายวาเล่ย์ ทำให้มีกระสุนปืน M.79 ล้ำเข้ามาตกในเขตไทย บริเวณหน้าฐานทหาร ของหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 4 ที่บ้านวาเล่ย์ ติดชายแดนไทย - พม่า แต่ไม่มีผู้ใดได้รับอันตราย ซึ่ง พ.อ.สุภโชค ธวัชพีระชัย ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 4 อ.แม่สอดได้นำกำลังทหารไปตรวจสอบพื้นที่กระสุนตกแล้วนั้น ทำให้ผู้อพยพชาวกะเหรี่ยง สัญชาติพม่า กว่า 300 คน ยังคงอาศัยอยู่ตามตะเข็บชายแดนไทย - พม่า บริเวณบ้านวาเล่ย์ใต้ บ้านวาเล่ย์เหนือ และบ้านมอเกอร์ยาง เพราะไม่กล้าอยู่ในฝั่งพม่า
ขณะที่ราษฎรไทย ที่อาศัยอยู่บ้านวาเล่ย์ ต.วาเลย์ อ.พบพระ จ.ตาก กล่าวว่า สถานการณ์การสู้รบ ทำให้รายได้ของชาวบ้านลดลง เพราะปกติได้ค้าขายกับชาวพม่า ขณะที่บางรายอยากจะให้การสู้รบยุติลงโดยเร็ว เพราะทำให้การค้าขายแย่ลง
